คอลัมน์ “กาแฟดำ”
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2562
การทูตเหนือความคาดหมาย!
ต้องยอมรับว่าเฮียทรัมป์สร้างความประหลาดใจไปทั่วโลกจริง ๆ…ด้วยสไตล์การทูตที่ไม่เหมือนใคร
แค่เขียนข้อความขึ้นทวิตเตอร์เกริ่นลอย ๆ ว่าไหน ๆ เขาก็ไปเกาหลีใต้แล้ว ถ้าได้ทักทายสวัสดีกับน้องคิมจองอึนตรงชายแดนก็น่าจะดีนะ
ว่าแล้วเพื่อนรักมูนแจอินแห่งเกาหลีใต้ก็เร่ิมทำงานทันที
อีกทั้งทีมงานของทรัมป์ที่คุ้นเคยกับงานเกาหลีเหนือก็กระโดดขึ้นคอปเตอร์ไปตรงเส้นปลอดทหารหรือ DMZ ตรงชายแดนเกาหลีเหนือกับใต้ตอนเที่ยงคืนของวันเดียวกัน
เรื่องทั้งหมดประสานกันเพียง 12 ชั่วโมง
ทรัมป์เขียนทวิตเตอร์ตอนเช้าวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ของทรัมป์สองคน (Stephen Biegun กับ Alison Hooker) ก็หายตัวไปจากงานเลี้ยงที่กรุงโซลเพื่อไปทำภารกิจลับ โดยที่เกาหลีเหนือส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานที่ Tongilgak หรือ Unification Pavillion ตรงเขตปลอดทหาร Panmunjom ตอนเที่ยงคืน
เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่มาประกบเพื่อปูพื้นสำหรับงานใหญ่นี้น่าจะได้แก่ Kim Chang-son ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเลขาธิการของกรมงานกิจการแห่งรัฐและผู้ช่วยอีกสองสามคน
จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่โหมดของการเตรียมให้คิมจองอึนออกเดินทางจากเปียงยางมาที่ชายแดนเพื่อมาพบกับทรัมป์ที่ออกจากกรุงโซลมาพบกันเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ฉากใหม่วันนี้
ที่ว่าน่าตื่นเต้นก็เพราะหากเกิดขึ้นจริงก็แปลว่าจะเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ที่อยู่ในตำแหน่ง) จะเหยียบแผ่นดินเกาหลีเหนือ!
อีกด้านหนึ่ง มูนแจอินแห่งเกาหลีใต้ก็นัดหมายมาบรรจบพบกัน ณ จุดเดียวกัน สร้างประวัติศาสตร์อีกฉากหนึ่ง นั่นคือผู้นำมะกัน, เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือมาพบกันเป็นครั้งแรกเช่นกัน
เมื่อทรัมป์กับคิมเดินมาพบกันตรงจุดชายแดน สายตาทั่วโลกก็จับตามาที่ทั้งสองคน
ทรัมป์กับคิมถ้อยทีถ้อยชื่นชมกัน ต่างก็กล่าววลีที่ต้องการเห็นสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี ตกลงกันว่าจะตั้งกรรมการชุดใหม่เพื่อเจรจาเรื่องลดอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดง เพื่อแลกกับการยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเปียงยาง
“ตอนแรกผมคิดว่าจะคุยกันแค่ 2 นาที แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็คุยกันถึง 50 นาที” ทรัมป์บอก
แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าการเจรจาในรายละเอียดจะไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะการต่อรองที่ผ่านมาก็ล้มเหลวมาตลอด ทำให้การพบปะของสองผู้นำที่สิงคโปร์และฮานอยล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
ณ จุดนี้เรื่องลีลาและสีหน้ามาก่อนเนื้อหา ขอพาดหัวก่อนแล้วจึงเขียนรายละเอียดของข้อตกลง
เหตุเพราะทรัมป์กับคิมมี “เคมี” ตรงกันด้วยการให้ “ดราม่า” นำเนื้อหานั่นเอง!